วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

ความสำคัญ
             โรงเรียนสังกัดเทศบาลที่ยากจน และทุนการศึกษาการสอบแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกชิงทุนนกเขาชวาอาเซียน ให้กับสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดยะลาเป็นประจำทุกปี

ลักษณะนกเขาชวาที่นิยมเลี้ยงเพื่อแข่งขัน
             นักเลงนกเขาชวาจะไม่นิยมเรียกคำลักษณะนามของนกเขาชวาว่า "ตัว" แต่จะนิยมใช้คำลักษณะนามว่า "นก" แทน เป็นการยกย่องตามความเชื่อถือของคนโบราณ ที่ถือว่านกเขาชวาเป็นนกที่ให้โชคให้ลาภ และถ้านกเขาชวาลักษณะไม่ดีก็จะให้โทษด้วย ไม่เหมือนนกชนิดอื่นที่เลี้ยงไว้ดูเล่นเพียงอย่างเดียว ซึ่งนกชนิดอื่นเรียกคำลักษณะนามว่า "ตัว" ได้ แต่นกเขาชวามักต้องเรียก "นก" เสมอ เช่น "นกเขาชวา ๑๐ นก" เป็นต้น
ภาคใต้ถือว่าการเลี้ยงนกเขาชวาเป็นงานอดิเรก และบางคนยังสามารถเลี้ยงเป็นอาชีพได้ด้วย หลาย ๆ ครัวเรือนจะมีเสารอกนกจำนวนมากบ้าง น้อยบ้างตามฐานะ และมักจะมีกรงนกเขาชวาแขวนตามชายคาบ้าน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายครัวเรือนที่มีกรงนกผสมพันธุ์ ขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างตามฐานะ ที่สำคัญคือมักจะมีถ้วยรางวัลจากนกเขาชวาที่ชนะการแข่งขันจากสถานที่ต่าง ๆ เป็นส่วนประดับอาคารชานเรือนของตนด้วย
นกเขาชวาที่นิยมเลี้ยงมี ๒ ประเภท คือ ประเภทนกดีตามตำราเรียกว่า "นกลักษณะ" กับประเภทที่เลี้ยงไว้ฟังเสียงเรียกว่า "นกเสียง" ภายหลังความนิยมนกเขาชวาดีตรงตามตำรา หรือนกลักษณะลดลง เพราะผู้ใดได้นกลักษณะดีตรงตามตำราก็ได้เป็นผู้ชนะตลอดทุกครั้งที่มีการแข่งขัน คนอื่นที่ไม่มีหรือหาได้ไม่ดีเท่าก็จะรู้สึกไม่สนุก เพราะมักแพ้ทุกครั้ง ความนิยมเลี้ยงนกเสียงจึงมีมากขึ้นในช่วงหลัง และนิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้ การแข่งขันนกเสียงมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้นกเขาชวาผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ผู้เป็นเจ้าของก็จะสนุกและไม่เบื่อ เพราะมีการลุ้นเพื่อให้นกของตนชนะทุกครั้งที่มีการแข่งขัน แต่นกเขาที่จะชนะได้จะต้องขันเสียงกังวานไพเราะ มีจังหวะการขับ และต้องขันทนด้วย ตามกติกาที่คณะกรรมการตัดสินกำหนด ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งในวันที่เข้าแข่งขัน โอกาสจะชนะ ก็น้อย ปัจจุบันผู้เลี้ยงนกเขาชวาจึงไม่สนใจรูปร่าง
ลักษณะของนกเขาชวาว่าจะเป็นนกให้คุณหรือ ให้โทษตามตำรา แต่จะมุ่งที่เสียงนกเขาชวาเป็นใหญ่ ถ้าขันเสียงดี ไพเราะมีกังวาน นักเลงนกเขารุ่นใหม่จะนิยมเล่นทั้งสิ้น
                เสียงของนกเขาชวามี ๓ ขนาด คือ ใหญ่ กลาง และเล็ก นักเลงนกเขาชวาทางภาคใต้จัดอันดับราคาเสียง ให้นกเสียงใหญ่มีราคาแพงกว่านกเขาเสียงกลาง และนกเขาเสียงกลางมีราคาแพงกว่านกเขาเสียงเล็ก ในกรณีที่นกมีความดีเหมือนกัน นกที่ขันจังหวะช้ามีราคาดีกว่านกที่ขันจังหวะธรรมดาและจังหวะเร็ว นกที่ขันเสียงท้ายกังวานมากมีราคาดีกว่าท้ายกังวานน้อย และเสียงท้ายยาวที่มีความกังวานดีกว่าเสียงท้ายสั้นที่มีความกังวาน รวมทั้งเสียงหน้ายาวดีกว่าเสียงหน้าสั้นด้วย และนกที่มีความดีเหมือน ๆ กันขัน ๕ จังหวะ จะนิยมมากกว่า ๔ จังหวะ และ ๔ จังหวะจะนิยมมากกว่า ๓ จังหวะ สำหรับการแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนจังหวัดยะลานั้นในการแข่งขันทุกครั้งจัดให้มีการแข่งขัน ๔ ประเภท คือ ประเภทเสียงใหญ่ เสียงกลาง เสียงเล็ก และประเภทรวมเสียง
               นักเลงนกเขาชวาเสียงจะตั้งชื่อนกของตนเองเป็นชื่อต่าง ๆ ประจำนกตามความคิด ความเชื่อ และความเป็นมาของนก เช่น ตั้งตามลักษณะรูปร่าง และสีของนก เช่น "นกแก้ว" "หัวจุก" "ช้างเผือก" "สายน้ำผึ้ง" ตั้งเพื่อเป็นสิริมงคล เช่น "วาสนา" "นำโชค" "ลูกกตัญญู" "เทพนรสิงห์" "เพชรพนม" ตั้งชื่อตามจังหวัดถิ่นที่อยู่ เช่น "ศรีเคดาห์" "ศรีมาเลาะ" "เพชรนครปฐม" "ชีลัตตานี" "สิงห์ ก.ท.ม." "ตาโละกาโปร์" "ศรีอลอสตาร์" "ศรีกระบี่" "หนุ่มชาวเขื่อน" การตั้งชื่อที่ให้ดูน่าเกรงขาม เช่น "ตะเคียนทอง" "ขุนศึก" "จันทร์เพชร" "นางพญา" "ก้องนภา" "สิงห์ทอง" "เพชรมงคล" "เพชรตะวัน" "เพชรทักษิณ" "เพชรสุริยา" การตั้งชื่อตามบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น "เป่เล่" "เป่เล่น้อย" "ปาปิญอง" "ฮิตเลอร์" "มาราโดน่า" "มารีโอ" "ซัมปีโก้" "นโปเลียน" "ไมเคิลแจ๊คสัน" เป็นต้น
ลักษณะของกิจกรรมในงานการแข่งขัน
            ในระยะเริ่มต้นของการจัดการแข่งขันมีกิจกรรมหลักคือการแข่งขันนกเขาชวาเสียง ประเภทเสียงต่าง ๆ คือเสียงใหญ่ เสียงกลาง เสียงเล็ก และประเภทรวมเสียง กิจกรรมร่วมได้จัดให้มีการแจกรางวัลบัตรเสารอกแด่เจ้าของนก ผู้โชคดีจะได้รับรางวัลต่าง ๆ ที่คณะกรรมการได้กำหนดขึ้น ต่อมาในการแข่งขันครั้งที่ ๓ ได้จัดให้มีการแข่งขันแกะเพิ่มขึ้นอีกกิจกรรมหนึ่ง และเมื่อการจัดการแข่งขันครั้งที่ ๕ ได้จัดให้มีกิจกรรมการแข่งขันนกกรงหัวจุก การแข่งขันชนโค และมีการประกวดดนตรีในงานดังกล่าว ต่อมาการจัดงานนกเขาชวาเสียงอาเซียนจังหวัดยะลาได้รับความสนใจ จากประชาชน ทั่วไปแพร่หลายมากขึ้น การจัดกิจกรรมในงานมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การชนไก่ ตกปลา ประกวดพระเครื่อง ประกวดโป้ยเซียน ประกวดร้องเพลง ประกวดดนตรี การออกร้านแสดงสินค้าพื้นเมือง และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับนกเขาชวามากมาย
คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้กำหนดให้มีรางวัลต่าง ๆ แก่ผู้ชนะในการแข่งขันในแต่ละครั้ง เช่น รางวัลที่ ๑ เป็นรางวัลถ้วยทองคำจากท่านนายกรัฐมนตรีซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในปีที่จัดการแข่งขัน ดังนี้
ครั้งที่ ๑ - ๓ ปี พ.ศ.๒๕๒๙ - ๒๕๓๑ ชิงถ้วยทองคำของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ครั้งที่ ๔ - ๗ ปี พ.ศ.๒๕๓๒ - ๒๕๓๕ ชิงถ้วยทองคำของ ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
ครั้งที่ ๘ - ๑๐, ๑๓, ๑๔ ปี พ.ศ.๒๕๓๖ - ๒๕๓๘, ๒๕๔๑ , ๒๕๔๒ ชิงถ้วยรางวัลของพณฯนายชวน หลีกภัย
ครั้งที่ ๑๑ ปี พ.ศ.๒๕๓๙ ชิงถ้วยทองคำจากพณฯนายบรรหาร ศิลปอาชา
ครั้งที่ ๑๒ ปี พ.ศ.๒๕๔๐ ชิงถ้วยทองคำของ ฯพณฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่น ๆ รองลงมา เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ โทรทัศน์สี ตู้เย็น สร้อยคอทองคำ พัดลม และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีมูลค่าหนึ่งล้านบาท

นกเขาชวาเกือบ 2 พันนกลงประชันเสียงที่ยะลาชิงรถเก๋ง



             งานแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนของจังหวัดยะลานับเป็นกิจกรรมระดับชาติกิจกรรมหนึ่งที่นอกจากจะเป็นสื่อมิตรภาพที่สามารถเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างเชื้อชาติ ศาสนา ฐานะ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ตลอดจนก่อให้เกิดความรัก ความเข้าใจและความร่วมมือซึ่งกันและกันแล้ว กิจกรรมดังกล่าวยังช่วยเสริมสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น ทำให้เศรษฐกิจของภาคใต้ดีขึ้น ชาวบ้านหลายครอบครัวมีรายได้จากการผสมนกเขาชวาขายจนสามารถสร้างบ้านใหม่ สามารถซื้อรถกระบะสำหรับบรรทุกนกเขาชวาไปขายต่างถิ่นได้ ส่วนผู้มีฝีมือก็ประดิษฐ์กรงนกเขาชวาออกขายได้ราคาดีตามความประณีตของฝีมือ หลายคนเปลี่ยนอาชีพจากการทำเฟอร์นิเจอร์มาทำกรงนกเขาชวาขาย บางคนเป็นข้าราชการแต่ทำเป็นอาชีพเสริม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าหลายคนเปลี่ยนมาเย็บผ้าคลุมกรงนกเขาชวาเสียง ซึ่งมีรายได้มากกว่าตัดเย็บเสื้อผ้าหลายเท่า นอกจากนี้ในช่วงฤดูกาลของการจัดการแข่งขัน ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผู้คนทั่วทุกสารทิศทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง นับได้ว่านกเขาชวาเสียง และการจัดงานแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนของจังหวัดยะลา มีบทบาทในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาวบ้านในท้องถิ่นและประเทศชาติได้เป็นอย่างดีตลอดจนได้เสริมสร้างความรักสามัคคีให้เกิดขึ้นระหว่างคนในชาติและกลุ่มประเทศในอาเซียนอีกด้วย นอกจากนี้คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้นำรายได้จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนใน

แหล่งที่มา : http://www.prapayneethai.com/


     



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น